บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

“See มูลค่า” เสื้อลายดอก ในเทศกาลสงกรานต์



See มูลค่า”  เสื้อลายดอก ในเทศกาลสงกรานต์


ปัจจุบันเราจะเห็นความความเปลี่ยนของเทศกาลสงกรานต์ในทุกยุคทุกสมัย  ที่ไม่ได้มีเพียงแค่การมาเล่นน้ำกันอย่างเดียว   แต่ยังมีอีกหลาย ๆ กิจกรรมที่ผสมผสานทำให้ทันสมัยและถูกใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น  ซึ่งบางครั้งก็ถูกนำไปเปรียบเทียบกับสงกรานต์สมัยก่อน   กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันในหัวข้อ “สงกรานต์ 2 ยุค” ที่เราเคยเห็นกันอยู่บ่อย ๆ    แต่ไม่ว่าสงกรานต์ในแต่ละปีจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด  ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังได้รับความนิยมและผูกขาดกับเทศกาลสงกรานต์อยู่เสมอ  นอกจากการเล่นสาดน้ำแล้ว   ก็คือการใส่เสื้อลายดอกในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั่นเอง

เคยสงสัยกันหรือไม่ ?  ว่าทำไมในเทศกาลสงกรานต์เราต้องใส่เสื้อลายดอก ?   เราใส่เสื้อลายดอกกันเพื่ออะไร ?  ใส่ทำไม ?  ใครเป็นคนกำหนดว่าวันสงกรานต์เราต้องใส่เสื้อลายดอก ?  แล้วเสื้อลายดอกเกี่ยวกับวันสงกรานต์อย่างไร ?  และทำไมต้องเป็นลายดอก   ลายจุดลายขวางไม่ได้หรือ ?   คุณเคยหาคำตอบของคำถามเหล่านี้หรือไม่ ?  หรือเราใส่เสื้อลายดอกในวันสงกรานต์เพียงเพราะคนอื่นเขาก็ใส่กัน   ไม่เห็นต้องหาคำตอบให้ยุ่งยากวุ่นวาย  เอาเวลาที่จะหาคำตอบของคำถามเหล่านี้   ไปหาที่เล่นน้ำกันจะดีกว่าคุณคิดแบบนี้หรือไม่ ?  

ภาพที่เราเห็นกันจนชินตาในช่วงเทศกาลสงกรานต์นอกจากการเล่นน้ำตามท้องถนน  และกิจกรรมตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ แล้ว  คือ  การนิยมใส่เสื้อลายดอกของคนไทย   ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มักจะปรากฏภาพของคนสวมใส่เสื้อลายดอกเต็มไปหมด    ร้านเสื้อผ้าตามท้องตลาดตลอดจนห้างสรรพสินค้าต่างงัดเอาเสื้อลายดอก   สารพัดดอก   เหมือนยกเอาสวนดอกไม้มาไว้บนเสื้อนำออกมาแข่งกันขาย    ทั้งดอกชบา   ดอกลีลาวดี    โดยลักษณะดีไซน์ที่แตกต่างยิ่งเป็นตัวดึงดูดความสนใจของลูกค้า   เรียกได้ว่าเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาทองของเสื้อลายดอกเลยก็ว่าได้  ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ?       

วันที่ 12 เมษายน  ที่ผ่านมา   ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเดินตลาดเช้าแห่งหนึ่ง   ในย่านกรุงเทพมหานคร   และได้มีโอกาสพูดคุยกับแม่ค้าขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง  ได้ความดังนี้  

 “ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้เสื้อลายดอกขายได้ดี   แต่ก็ยังน้อยกว่าปีก่อน ๆ   โดยลูกค้าที่มาซื้อเสื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน    บางคนมาซื้อเพราะที่ทำงานกำหนดให้ใส่   วัยรุ่นก็มีบ้าง    โดยเสื้อลายดอกที่ขายดีที่สุดในปีนี้คือเสื้อลายดอกสีม่วง  เนื่องจากอยู่ในช่วงเดือนเฉลิมพระชนมายุ 60 พรรษา   ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงทำให้ลูกค้านิยมนำมาสวมใส่เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสพิเศษนี้ด้วย หลาย ๆ หน่วยงานจึงกำหนดให้พนักงานใส่สีม่วง ถึงจะขายดีแต่ปีนี้ตัวแม่ค้าก็ไม่กล้าซื้อเสื้อลายดอกมาตุนไว้เยอะๆ   เพราะสงกรานต์เมื่อปีที่แล้วซื้อตุนไว้เยอะก็ขายไม่หมด   พอหมดหน้าเทศกาลคนก็ไม่ค่อยซื้อเสื้อลายดอกใส่กัน  ดังนั้นจึงซื้อมาเท่าที่คิดว่าจะขายหมดเท่านั้น”

จากการพูดคุยกับแม่ค้าในครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่า   ผู้คนมักซื้อเสื้อลายดอกแค่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น  ถ้าเลยช่วงเทศกาลสงกรานต์คนก็ไม่นิยมสวมใส่เสื้อลายดอกเท่าไหร่นัก   แต่ปีนี้พิเศษกว่าปีอื่น ๆ เพราะเสื้อลายดอกสีม่วงจะได้รับความนิยมมาก   เนื่องจากอยู่ในช่วงเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  จึงทำให้ผู้เขียนวิเคราะห์ปรากฏการณ์ของการสวมใส่เสื้อลายดอกของคนไทยว่า  คนไทยนิยมสวมใส่เสื้อลายดอกในช่วงเทศกาลสงกรานต์เหมือนมันเป็นเรื่องปกติ   ที่ใส่กันในชีวิตประจำวันทุกวัน  เพื่อแสดงออกถึงความเป็นไทย  แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่  คนไทยไม่ได้ใส่เสื้อลายดอกกันทุกวัน    ดังนั้นคนที่สวมเสื้อลายดอกไม่เพียงแต่บริโภคเชิงประโยชน์ (used value)   แต่กำลังสวมใส่ความหมายของเสื้อลายดอก(sing value) ที่ถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมไทยในช่วงสงกรานต์ด้วย

หากจะกล่าวถึงประวัติและความเป็นมาของเสื้อลายดอก   ที่ทุกวันนี้ถูกยกให้เป็นภาพจำลองอดีต (simulacrum) ของเทศกาลสงกรานต์   ที่หลาย ๆ คนสวมใส่เสื้อลายดอกเพราะคิดว่าเป็นภาพตัวแทนของเทศกาลในอดีต   ที่แสดงความเป็นวัฒนธรรมไทยเพราะเชื่อว่าคนสมัยก่อนใส่เสื้อลายดอก     โดยมีผู้ให้ความหมายของเสื้อลายดอกในเทศกาลสงกรานต์ไว้ว่า

“ตามความเชื่อของคนไทยปีใหม่เป็นการเริ่มต้นของสิ่งดี ๆ   ซึ่งดอกไม้จะผลิดอกแรกแย้มในช่วงหน้าร้อน   ให้ความหมายที่ดีในแง่ของการเริ่มต้น  รวมกับสีสันที่แต่งเติมให้สวยงาม   และยังสะท้อนถึงคุณค่าทางความงามที่เป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของไทย” (ไทยรัฐทีวี)

ความเป็นมาของเสื้อลายดอกนั้นสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากชาว Aloha  ที่อาศัยอยู่บนเกาะ ฮาวาย   เรียกว่าเสื้อฮาวาย  เดิมใช้ผ้ากิโมโนที่เป็นผ้าชุดประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นมาตัดเย็บ   ต่อมาใช้ผ้าอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้ากิโมโน  และใส่ลวดลายดอกไม้บนเกาะลงไปในตัวเสื้อ   เลือกใช้สีสันฉูดฉาดเพื่อความสดใส  ซึ่งคนไทยก็มีเสื้อลายดอก   แต่เป็นคอกลม   ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเสื้อของคนชาติจีน  เรียกว่า เสื้อคอกลม ลายดอก   พอมีผู้คนใส่เสื้อลายดอกของชาวฮาวายกันอย่างแพร่หลาย มีการวางขายทั่วไป  ก็เกิดความสับสนระหว่างเสื้อคอกลม  ลายดอกกับเสื้อฮาวาย  ต่อมาพนักงานห้างต่าง ๆ ก็เริ่มมีการนำมาใส่มากขึ้นจนนิยมแพร่หลายในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั่นเอง   (Mthainews)

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าเสื้อหลายดอกได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก   จนถูกยกให้เป็น signature และเป็น simulacrum  ของเทศกาลสงกรานต์ก็คือ  เศรษฐกิจและเม็ดเงินที่สะบัดในธุรกิจการผลิตเสื้อลายดอก   ยิ่งในปีนี้มีการรณรงค์ให้เล่นสงกรานต์แบบวิถีไทย   ยิ่งทำให้เสื้อลายดอกมียอดขายเพิ่มขึ้นอีก 10 - 20 %   โดยราคาเสื้อลายดอกต่อตัวอยู่ที่ราคาประมาณ 150 - 250 บาท  เมื่อขายตามท้องตลาด   โดยเมื่อเสื้อลายดอกเหล่านี้ถูกนำไปขายในห้างสรรพสินค้ายิ่งทำให้ราคาสูงขึ้นจากเดิมเป็น  250 – 450  บาท เลยทีเดียว  ทำให้ผู้ผลิตเสื้อลายดอกได้รับกำไรมหาศาลในเทศกาลสงกรานต์   แต่เมื่อหมดช่วงสงกรานต์ไป  เสื้อลายดอกก็ไม่ได้รับความนิยม   เพราะตามปกติคนไทยไม่นิยมใส่เสื้อลายดอกกันหากไม่ใช่ช่วงเทศกาล   อาจเนื่องมาจากตามสื่อโทรทัศน์  หรือสื่อต่าง ๆ ในประเทศไทย   นำเสนอเสื้อลายดอกเป็นตัวแทนของความเป็นลูกทุ่ง  บ้านนอก  ทำให้คนไทยอายที่จะใส่ในเวลาปกติ   

ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้นจึงส่งผลให้เสื้อลายดอกกลายมาเป็นภาพจำลองในอดีต (simulacrum) ของเทศกาลสงกรานต์  บางคนที่ไม่รู้ก็คิดกันไปว่าเสื้อลายดอกมันมีตั้งแต่อดีตสมัยบรรพบุรุษแล้ว   ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่มีใครที่เป็นผู้กำหนดว่า   สงกรานต์ต้องใส่เสื้อลายดอก   เราใส่กันเหมือนอุปาทานหมู่   แต่ก็มีอีกหลาย ๆ ที่   เช่น ตามองค์กรของหน่วยงานรัฐ   หรือเอกชนหลายที่กำหนดให้พนักงานในองค์กรต้องสวมเสื้อลายดอกมาทำงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์   ซึ่งในมหาวิทยาลัยที่ผู้เขียนเรียนอยู่   ก็เห็นภาพอาจารย์ในมหาวิทยาลัยหลายคนใส่เสื้อลายดอกมาสอน   ภาพเหล่านี้เหมือนเป็นการจำลองเหตุการณ์ในอดีต  อนุรักษ์ความเป็นไทย  ที่เข้าใจว่าคนไทยในสมัยโบราณใส่เสื้อลายดอก  เมื่อถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผู้เขียนมองว่าเป็นช่วงแห่งการโชว์วัฒนธรรม  เป็นการโหยหาอดีต (nostalgia)   อะไร ๆ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไทยก็ถูกนำมาใช้อีกครั้ง   เพื่อแสดงถึงความเป็นเจ้าของวัฒนธรรม   เสื้อลายดอกจึงถูกนำมาแทนภาพจำลองของวัฒนธรรมไทยในอดีต   โดยปีนี้จังหวัดสุโขทัยได้จัดงาน สงกรานต์เสื้อลายดอก ถนนข้าวตอกสุโขทัย” ขึ้น   โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมไทยที่ดีงามของท้องถิ่น   ก็เปรียบเสมือนแห่งรวมภาพจำลองในอดีต (semulation) ชั้นดี  ที่กลายเป็น hyper reality คือโลกเหนือความจริงที่ยิ่งกว่าจริง   เพราะการจัดงานย้อนยุคเหมือนเป็นการจำลองก็อปปี้เหตุการณ์ในอดีต  ให้เราหลงเข้าใจว่าสมัยก่อนเป็นแบบนั้น  ทั้งที่เราก็ไม่รู้ว่ามันจริงแท้แค่ไหน

โดยส่วนตัวผู้เขียนแล้วมองว่า   ถ้าจะบอกว่าเสื้อลายดอกเป็นวัฒนธรรมไทยก็คงไม่ใช่เสียทั้งหมด   แต่มองว่าเป็นการแต่งตัวตามสมัยนิยมก็น่าจะเข้าข่ายมากกว่า   เพราะเสื้อลายดอกได้รับอิทธิพลมาจากต่างประเทศ  และเพิ่งมีเสื้อลายดอกมาได้ไม่กี่ปี  เพียงแต่หลาย ๆ สื่อ   เช่นภาพยนตร์  ละคร  มักจะหยิบเอาเสื้อลายดอกมาเป็นตัวแทนของความเป็นลูกทุ่ง  ภูธร   เมื่อภาพเหล่านั้นฉายซ้ำ ๆ ทำให้เราคิดกันไปว่าคนไทยใส่ลายดอกมานานแล้ว   และสีสันที่สดใสของเสื้อลายดอก   จึงถูกนำไปผูกกับประเพณีสงกรานต์  ว่าต้องเป็นลายดอกถึงจะมีความเป็นไทย   โดยอาจจะมีแนวคิดเรื่องทุนนิยมเข้ามาผสม  นายทุนที่ต้องการจะสร้างค่านิยมอะไรสักอย่างในช่วงเทศกาล   ที่ต่างไปจากวันธรรมดาทั่วไป  เช่น  วันวาเลนไทน์ต้องให้ดอกกุหลาบ   วันตรุษจีนต้องใส่เสื้อใหม่สีแดง   เป็นต้น  จึงใช้โอกาสนี้ทำการตลาดเพื่อสร้างค่านิยมใหม่ ๆ ขึ้นมา    เพราะสินค้าที่เจาะจงเฉพาะเทศกาลย่อมทำผลกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ

สุดท้ายก่อนจะจบบทความชิ้นนี้ผู้เขียนขอเขียนนอกเรื่องเทศกาลสงกรานต์นิดนึง  สำหรับคนไทยแล้วเสื้อเป็นมากกว่าแค่สิ่งที่นำมาสวมใส่เพื่อปกปิดร่างกาย   แต่มันถูกทำให้เป็นสัญญะบางอย่างในหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา   ตัวอย่างที่เห็นกันชัด ๆ เมื่อไม่กี่ปีมานี้   เรารักกันเพราะเสื้อที่ใส่   เกลียดกันก็เพราะเสื้อที่ใส่  ทำให้ผู้เขียนคิดว่า “เรากำลังอยู่ในยุคที่คนมองกันแค่เพียงเปลือกนอก ตีค่าคนจากสิ่งที่สวมใส่  มากเกินไป  หรือไม่อย่างไร?”  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น