“See มูลค่า” เสื้อลายดอก ในเทศกาลสงกรานต์
ปัจจุบันเราจะเห็นความความเปลี่ยนของเทศกาลสงกรานต์ในทุกยุคทุกสมัย
ที่ไม่ได้มีเพียงแค่การมาเล่นน้ำกันอย่างเดียว แต่ยังมีอีกหลาย ๆ กิจกรรมที่ผสมผสานทำให้ทันสมัยและถูกใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น
ซึ่งบางครั้งก็ถูกนำไปเปรียบเทียบกับสงกรานต์สมัยก่อน กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันในหัวข้อ
“สงกรานต์ 2 ยุค” ที่เราเคยเห็นกันอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ว่าสงกรานต์ในแต่ละปีจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังได้รับความนิยมและผูกขาดกับเทศกาลสงกรานต์อยู่เสมอ นอกจากการเล่นสาดน้ำแล้ว
ก็คือการใส่เสื้อลายดอกในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั่นเอง
เคยสงสัยกันหรือไม่ ?
ว่าทำไมในเทศกาลสงกรานต์เราต้องใส่เสื้อลายดอก ? เราใส่เสื้อลายดอกกันเพื่ออะไร ? ใส่ทำไม ?
ใครเป็นคนกำหนดว่าวันสงกรานต์เราต้องใส่เสื้อลายดอก ? แล้วเสื้อลายดอกเกี่ยวกับวันสงกรานต์อย่างไร ? และทำไมต้องเป็นลายดอก ลายจุดลายขวางไม่ได้หรือ ? คุณเคยหาคำตอบของคำถามเหล่านี้หรือไม่ ?
หรือเราใส่เสื้อลายดอกในวันสงกรานต์เพียงเพราะคนอื่นเขาก็ใส่กัน ไม่เห็นต้องหาคำตอบให้ยุ่งยากวุ่นวาย เอาเวลาที่จะหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ ไปหาที่เล่นน้ำกันจะดีกว่า…คุณคิดแบบนี้หรือไม่
?
ภาพที่เราเห็นกันจนชินตาในช่วงเทศกาลสงกรานต์นอกจากการเล่นน้ำตามท้องถนน และกิจกรรมตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ แล้ว คือ
การนิยมใส่เสื้อลายดอกของคนไทย
ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มักจะปรากฏภาพของคนสวมใส่เสื้อลายดอกเต็มไปหมด ร้านเสื้อผ้าตามท้องตลาดตลอดจนห้างสรรพสินค้าต่างงัดเอาเสื้อลายดอก สารพัดดอก
เหมือนยกเอาสวนดอกไม้มาไว้บนเสื้อนำออกมาแข่งกันขาย ทั้งดอกชบา
ดอกลีลาวดี โดยลักษณะดีไซน์ที่แตกต่างยิ่งเป็นตัวดึงดูดความสนใจของลูกค้า เรียกได้ว่าเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาทองของเสื้อลายดอกเลยก็ว่าได้ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ?
วันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา
ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเดินตลาดเช้าแห่งหนึ่ง ในย่านกรุงเทพมหานคร และได้มีโอกาสพูดคุยกับแม่ค้าขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง ได้ความดังนี้
“ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้เสื้อลายดอกขายได้ดี แต่ก็ยังน้อยกว่าปีก่อน ๆ โดยลูกค้าที่มาซื้อเสื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน บางคนมาซื้อเพราะที่ทำงานกำหนดให้ใส่ วัยรุ่นก็มีบ้าง โดยเสื้อลายดอกที่ขายดีที่สุดในปีนี้คือเสื้อลายดอกสีม่วง
เนื่องจากอยู่ในช่วงเดือนเฉลิมพระชนมายุ
60 พรรษา ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี จึงทำให้ลูกค้านิยมนำมาสวมใส่เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติ
ในโอกาสพิเศษนี้ด้วย หลาย ๆ หน่วยงานจึงกำหนดให้พนักงานใส่สีม่วง ถึงจะขายดีแต่ปีนี้ตัวแม่ค้าก็ไม่กล้าซื้อเสื้อลายดอกมาตุนไว้เยอะๆ
เพราะสงกรานต์เมื่อปีที่แล้วซื้อตุนไว้เยอะก็ขายไม่หมด
พอหมดหน้าเทศกาลคนก็ไม่ค่อยซื้อเสื้อลายดอกใส่กัน ดังนั้นจึงซื้อมาเท่าที่คิดว่าจะขายหมดเท่านั้น”
จากการพูดคุยกับแม่ค้าในครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่า
ผู้คนมักซื้อเสื้อลายดอกแค่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น ถ้าเลยช่วงเทศกาลสงกรานต์คนก็ไม่นิยมสวมใส่เสื้อลายดอกเท่าไหร่นัก
แต่ปีนี้พิเศษกว่าปีอื่น ๆ
เพราะเสื้อลายดอกสีม่วงจะได้รับความนิยมมาก
เนื่องจากอยู่ในช่วงเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 60 พรรษา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
จึงทำให้ผู้เขียนวิเคราะห์ปรากฏการณ์ของการสวมใส่เสื้อลายดอกของคนไทยว่า คนไทยนิยมสวมใส่เสื้อลายดอกในช่วงเทศกาลสงกรานต์เหมือนมันเป็นเรื่องปกติ ที่ใส่กันในชีวิตประจำวันทุกวัน เพื่อแสดงออกถึงความเป็นไทย แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ คนไทยไม่ได้ใส่เสื้อลายดอกกันทุกวัน ดังนั้นคนที่สวมเสื้อลายดอกไม่เพียงแต่บริโภคเชิงประโยชน์
(used
value) แต่กำลังสวมใส่ความหมายของเสื้อลายดอก(sing
value) ที่ถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมไทยในช่วงสงกรานต์ด้วย
หากจะกล่าวถึงประวัติและความเป็นมาของเสื้อลายดอก ที่ทุกวันนี้ถูกยกให้เป็นภาพจำลองอดีต (simulacrum) ของเทศกาลสงกรานต์ ที่หลาย ๆ คนสวมใส่เสื้อลายดอกเพราะคิดว่าเป็นภาพตัวแทนของเทศกาลในอดีต
ที่แสดงความเป็นวัฒนธรรมไทยเพราะเชื่อว่าคนสมัยก่อนใส่เสื้อลายดอก โดยมีผู้ให้ความหมายของเสื้อลายดอกในเทศกาลสงกรานต์ไว้ว่า
“ตามความเชื่อของคนไทยปีใหม่เป็นการเริ่มต้นของสิ่งดี
ๆ ซึ่งดอกไม้จะผลิดอกแรกแย้มในช่วงหน้าร้อน ให้ความหมายที่ดีในแง่ของการเริ่มต้น รวมกับสีสันที่แต่งเติมให้สวยงาม และยังสะท้อนถึงคุณค่าทางความงามที่เป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของไทย”
(ไทยรัฐทีวี)
ความเป็นมาของเสื้อลายดอกนั้นสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากชาว
Aloha ที่อาศัยอยู่บนเกาะ ฮาวาย เรียกว่าเสื้อฮาวาย
เดิมใช้ผ้ากิโมโนที่เป็นผ้าชุดประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นมาตัดเย็บ
ต่อมาใช้ผ้าอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้ากิโมโน และใส่ลวดลายดอกไม้บนเกาะลงไปในตัวเสื้อ เลือกใช้สีสันฉูดฉาดเพื่อความสดใส ซึ่งคนไทยก็มีเสื้อลายดอก แต่เป็นคอกลม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเสื้อของคนชาติจีน เรียกว่า ‘เสื้อคอกลม
ลายดอก’ พอมีผู้คนใส่เสื้อลายดอกของชาวฮาวายกันอย่างแพร่หลาย
มีการวางขายทั่วไป ก็เกิดความสับสนระหว่างเสื้อคอกลม ลายดอกกับเสื้อฮาวาย ต่อมาพนักงานห้างต่าง ๆ
ก็เริ่มมีการนำมาใส่มากขึ้นจนนิยมแพร่หลายในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั่นเอง (Mthainews)
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าเสื้อหลายดอกได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
จนถูกยกให้เป็น signature และเป็น simulacrum ของเทศกาลสงกรานต์ก็คือ
เศรษฐกิจและเม็ดเงินที่สะบัดในธุรกิจการผลิตเสื้อลายดอก ยิ่งในปีนี้มีการรณรงค์ให้เล่นสงกรานต์แบบวิถีไทย ยิ่งทำให้เสื้อลายดอกมียอดขายเพิ่มขึ้นอีก 10
- 20 % โดยราคาเสื้อลายดอกต่อตัวอยู่ที่ราคาประมาณ
150 - 250 บาท เมื่อขายตามท้องตลาด โดยเมื่อเสื้อลายดอกเหล่านี้ถูกนำไปขายในห้างสรรพสินค้ายิ่งทำให้ราคาสูงขึ้นจากเดิมเป็น
250 – 450 บาท เลยทีเดียว
ทำให้ผู้ผลิตเสื้อลายดอกได้รับกำไรมหาศาลในเทศกาลสงกรานต์ แต่เมื่อหมดช่วงสงกรานต์ไป เสื้อลายดอกก็ไม่ได้รับความนิยม
เพราะตามปกติคนไทยไม่นิยมใส่เสื้อลายดอกกันหากไม่ใช่ช่วงเทศกาล อาจเนื่องมาจากตามสื่อโทรทัศน์ หรือสื่อต่าง ๆ ในประเทศไทย
นำเสนอเสื้อลายดอกเป็นตัวแทนของความเป็นลูกทุ่ง บ้านนอก
ทำให้คนไทยอายที่จะใส่ในเวลาปกติ
ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้นจึงส่งผลให้เสื้อลายดอกกลายมาเป็นภาพจำลองในอดีต
(simulacrum) ของเทศกาลสงกรานต์
บางคนที่ไม่รู้ก็คิดกันไปว่าเสื้อลายดอกมันมีตั้งแต่อดีตสมัยบรรพบุรุษแล้ว ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่มีใครที่เป็นผู้กำหนดว่า สงกรานต์ต้องใส่เสื้อลายดอก เราใส่กันเหมือนอุปาทานหมู่ แต่ก็มีอีกหลาย ๆ ที่ เช่น ตามองค์กรของหน่วยงานรัฐ หรือเอกชนหลายที่กำหนดให้พนักงานในองค์กรต้องสวมเสื้อลายดอกมาทำงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งในมหาวิทยาลัยที่ผู้เขียนเรียนอยู่
ก็เห็นภาพอาจารย์ในมหาวิทยาลัยหลายคนใส่เสื้อลายดอกมาสอน ภาพเหล่านี้เหมือนเป็นการจำลองเหตุการณ์ในอดีต อนุรักษ์ความเป็นไทย ที่เข้าใจว่าคนไทยในสมัยโบราณใส่เสื้อลายดอก เมื่อถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผู้เขียนมองว่าเป็นช่วงแห่งการโชว์วัฒนธรรม เป็นการโหยหาอดีต (nostalgia) อะไร ๆ
ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไทยก็ถูกนำมาใช้อีกครั้ง
เพื่อแสดงถึงความเป็นเจ้าของวัฒนธรรม
เสื้อลายดอกจึงถูกนำมาแทนภาพจำลองของวัฒนธรรมไทยในอดีต โดยปีนี้จังหวัดสุโขทัยได้จัดงาน “สงกรานต์เสื้อลายดอก ถนนข้าวตอกสุโขทัย” ขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณี
และวัฒนธรรมไทยที่ดีงามของท้องถิ่น
ก็เปรียบเสมือนแห่งรวมภาพจำลองในอดีต (semulation) ชั้นดี ที่กลายเป็น hyper
reality คือโลกเหนือความจริงที่ยิ่งกว่าจริง
เพราะการจัดงานย้อนยุคเหมือนเป็นการจำลองก็อปปี้เหตุการณ์ในอดีต ให้เราหลงเข้าใจว่าสมัยก่อนเป็นแบบนั้น ทั้งที่เราก็ไม่รู้ว่ามันจริงแท้แค่ไหน
โดยส่วนตัวผู้เขียนแล้วมองว่า ถ้าจะบอกว่าเสื้อลายดอกเป็นวัฒนธรรมไทยก็คงไม่ใช่เสียทั้งหมด
แต่มองว่าเป็นการแต่งตัวตามสมัยนิยมก็น่าจะเข้าข่ายมากกว่า
เพราะเสื้อลายดอกได้รับอิทธิพลมาจากต่างประเทศ และเพิ่งมีเสื้อลายดอกมาได้ไม่กี่ปี เพียงแต่หลาย ๆ สื่อ เช่นภาพยนตร์
ละคร
มักจะหยิบเอาเสื้อลายดอกมาเป็นตัวแทนของความเป็นลูกทุ่ง ภูธร
เมื่อภาพเหล่านั้นฉายซ้ำ ๆ
ทำให้เราคิดกันไปว่าคนไทยใส่ลายดอกมานานแล้ว
และสีสันที่สดใสของเสื้อลายดอก จึงถูกนำไปผูกกับประเพณีสงกรานต์ ว่าต้องเป็นลายดอกถึงจะมีความเป็นไทย โดยอาจจะมีแนวคิดเรื่องทุนนิยมเข้ามาผสม นายทุนที่ต้องการจะสร้างค่านิยมอะไรสักอย่างในช่วงเทศกาล ที่ต่างไปจากวันธรรมดาทั่วไป เช่น
วันวาเลนไทน์ต้องให้ดอกกุหลาบ
วันตรุษจีนต้องใส่เสื้อใหม่สีแดง
เป็นต้น จึงใช้โอกาสนี้ทำการตลาดเพื่อสร้างค่านิยมใหม่
ๆ ขึ้นมา เพราะสินค้าที่เจาะจงเฉพาะเทศกาลย่อมทำผลกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
สุดท้ายก่อนจะจบบทความชิ้นนี้ผู้เขียนขอเขียนนอกเรื่องเทศกาลสงกรานต์นิดนึง
สำหรับคนไทยแล้วเสื้อเป็นมากกว่าแค่สิ่งที่นำมาสวมใส่เพื่อปกปิดร่างกาย แต่มันถูกทำให้เป็นสัญญะบางอย่างในหลาย ๆ
เหตุการณ์ที่ผ่านมา
ตัวอย่างที่เห็นกันชัด ๆ เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เรารักกันเพราะเสื้อที่ใส่ เกลียดกันก็เพราะเสื้อที่ใส่ ทำให้ผู้เขียนคิดว่า “เรากำลังอยู่ในยุคที่คนมองกันแค่เพียงเปลือกนอก
ตีค่าคนจากสิ่งที่สวมใส่ มากเกินไป หรือไม่อย่างไร?”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น