ผู้เขียนเป็นหนึ่งคนที่ได้ยินประโยคที่ว่า
“ปริญญาก็แค่กระดาษใบเดียว” หลายครั้งมาก ๆ
ทั้งจากคนใกล้ตัว
หรือแม้กระทั่งจากปากเพื่อน ที่อีกไม่กี่อาทิตย์จะเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ก็ยังคงพูดประโยคนี้อยู่ ทุกครั้งที่ผู้เขียนได้ยินประโยคนี้ ก็เกิดคำถามกับตัวเองตลอดว่า “ปริญญาก็แค่กระดาษใบเดียว จริงหรือ” “เราเรียนมาเป็นสิบยี่สิบปี
เพียงเพราะต้องการกระดาษใบเดียวแค่นั้น
จริงหรือ”
ตัน ภาสกรนที หรือ ตัน อิชิตัน
เจ้าสัวแห่งวงการชาเขียวเมืองไทย อดีตเด็กรับจ้างแบกของที่จังหวัดชลบุรี พัฒนาสู่เจ้าของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเครื่องดื่มชาเขียวที่มีมูลค่า
กว่าร้อยล้าน
ธนินท์ เจียรวนนท์ หรือที่เรียกขานกันว่า เจ้าสัวซีพี ผู้กุมบังเหียนใหญ่เครือเจริญโภคภัณฑ์
บริษัทที่มีมูลค่าการตลาดมหาศาล และเจ้าสัวซีพียังถูกจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศไทยอีก
ด้วย
สตีฟ จ็อปส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งและสร้างความยิ่งใหญ่ ให้แบรนด์ Apple เรียนมหาวิทยาลัยได้เทอมเดียวก็ไปทำงานให้กับ บริษัท
อาตาริ ก่อนที่จะควบรวมเป็น บริษัท แอปเปิ้ล แบรนด์ดั ที่ทำให้คนทั้งโลกคลั่ง
รายชื่อของผู้ที่กล่าวมาข้างต้น
เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน โดยไม่ได้ครอบครองใบปริญญาสักคน บุคคลเหล่านี้ถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบเรื่อง “เรียนไม่จบก็ประสบความสำเร็จได้” ซึ่งก็ดูเหมือนว่าแนวความคิดนี้
จะถูกยกมาพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในวงการศึกษาของประเทศไทย และทำให้เกิดการแบ่งกลุ่มที่ออกมาแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้ง เห็นต่างกันอยู่ หนึ่งในนั้นคือตัวของผู้เขียนเอง
เพราะทุกครั้งที่ได้ยินประโยคนี้ ผู้เขียนรู้สึกเหมือนกำลังโดนดูถูกกับสิ่งที่พยายามและตั้งใจทำอยู่
ถ้าปริญญาก็แค่กระดาษใบเดียว แล้วทุกวันนี้เราเสียเวลาเรียนไปทำไม
สำหรับตัวผู้เขียนมองว่า ก็อาจจะถูกที่ว่า “ปริญญาก็แค่กระดาษใบเดียว” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถูกต้องทั้งหมด ถ้ามันคือกระดาษใบเดียวจริง ๆ
ไม่มีความหมายอะไร ฉะนั้นก็แสดงว่า ธนบัตรใบละหนึ่งพัน กับ ธนบัตรใบละยี่สิบ มีมูลค่าเท่ากัน
เพราะทั้งสองธนบัตรเป็นแค่กระดาษใบเดียวเหมือนกัน จริงมั้ย? ถ้าเรามองมันเป็นแค่กระดาษ มันก็เป็นแค่กระดาษจริง ๆ
แต่ถ้าเรามองถึงเส้นทางว่าทำอย่างไรจึงจะได้กระดาษแผ่นนี้มา
ก็คงจะพูดไม่เต็มปากนักว่ามันมีค่าเป็นเพียงแค่กระดาษใบเดียว
ส่วนหนึ่งที่จะทำให้กระดาษใบนี้มีความหมาย อยู่ที่ว่าเรามองกระดาษใบนี้ จากจุดไหน
อาจจะจริงที่การมีใบปริญญาไม่ได้แสดงว่าเราสามารถทำงานได้ดีกว่าคนอื่น เพราะก็มีเยอะที่คนจบปริญญาทำงานสู้คนที่เรียนต่ำกว่าไม่ได้ แต่ใบปริญญาก็เป็นใบเบิกทางเบื้องต้น ที่คนที่จ้างงานจะ “กรอง”
เราก่อนว่ามีคุณสมบัติตามที่ต้องการหรือไม่
เช่นกันคนที่เรียนจบปริญญาและทำงานเก่งก็มีให้พบอยู่มากมาย มันก็ขึ้นอยู่กับอาชีพที่ทำด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณป่วยหนัก คุณไปหาหมอ
หมอรักษาและให้ยาคุณมากิน
แต่คุณมารู้ที่หลังว่าหมอเรียนไม่จบ
และไม่มีใบปริญญา
คุณยังจะไว้ใจและให้หมอคนเดิมรักษาอยู่หรือไม่ หรือในตอนที่คุณเป็นนักเรียน อาจารย์ที่สอนคุณเรียนไม่จบ คุณจะเชื่อในสิ่งที่อาจารย์ท่านนั้นสอนหรือไม่ ถามใจคุณดู?
สุดท้ายบทความชิ้นนี้ไม่ได้มีเจตนาดูถูกผู้ที่เรียนไม่จบ
ซึ่งตัวผู้เขียนก็ยอมรับว่ามีผู้ที่เรียนไม่จบ
แต่ประสบความสำเร็จก็มีเยอะมากมายในโลกนี้
คนที่เรียนจบแต่ล้มเหลวในชีวิตก็มีให้เห็น
เพียงแต่บทความชิ้นนี้เกิดขึ้นมาจากความรู้สึกลึก
ๆ ของผู้เขียน
ที่กำลังจะเรียนจบแล้ว จึงทราบดีว่ากว่าจะได้กระดาษใบนี้ ที่หลาย ๆ คนคิดว่ามันก็แค่กระดาษใบเดียว แต่กว่าที่จะได้มันมา ยากเย็นและต้องใช้ความพยายามมากเพียงใด
ถึงแม้ว่ากระดาษใบนี้จะไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าจะประสบความสำเร็จในอนาคตหรือไม่ แต่มันก็สามารถบ่งบอกถึงความตั้งใจและความพยายามตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนที่จะได้กระดาษใบนี้ เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกใบปริญญาของใครเลย อย่างน้อยถ้ามันเป็นเพียงแค่กระดาษใบเดียวสำหรับคุณ
แต่กระดาษใบนี้อาจจะเป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของคนที่ได้ชื่อว่า พ่อ และ แม่
ก็เป็นได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น