บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปริญญาก็แค่กระดาษใบเดียว??





ผู้เขียนเป็นหนึ่งคนที่ได้ยินประโยคที่ว่า “ปริญญาก็แค่กระดาษใบเดียว” หลายครั้งมาก ๆ   ทั้งจากคนใกล้ตัว   หรือแม้กระทั่งจากปากเพื่อน   ที่อีกไม่กี่อาทิตย์จะเรียนจบปริญญาตรีแล้ว   ก็ยังคงพูดประโยคนี้อยู่   ทุกครั้งที่ผู้เขียนได้ยินประโยคนี้  ก็เกิดคำถามกับตัวเองตลอดว่า “ปริญญาก็แค่กระดาษใบเดียว   จริงหรือ”   “เราเรียนมาเป็นสิบยี่สิบปี   เพียงเพราะต้องการกระดาษใบเดียวแค่นั้น  จริงหรือ” 
ตัน ภาสกรนที หรือ ตัน อิชิตัน เจ้าสัวแห่งวงการชาเขียวเมืองไทย อดีตเด็กรับจ้างแบกของที่จังหวัดชลบุรี พัฒนาสู่เจ้าของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเครื่องดื่มชาเขียวที่มีมูลค่า กว่าร้อยล้าน

ธนินท์ เจียรวนนท์ หรือที่เรียกขานกันว่า เจ้าสัวซีพี ผู้กุมบังเหียนใหญ่เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทที่มีมูลค่าการตลาดมหาศาล และเจ้าสัวซีพียังถูกจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศไทยอีก ด้วย

สตีฟ จ็อปส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งและสร้างความยิ่งใหญ่ ให้แบรนด์ Apple  เรียนมหาวิทยาลัยได้เทอมเดียวก็ไปทำงานให้กับ บริษัท อาตาริ ก่อนที่จะควบรวมเป็น บริษัท แอปเปิ้ล แบรนด์ดั ที่ทำให้คนทั้งโลกคลั่ง

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้ง Facebook   ผู้ก่อตั้ง Facebook  หลังจากที่ Facebook ได้รับความนิยมและทำเงินมหาศาล ก็หยุดเรียน เพื่อเป็นผู้บริหารของเต็มตัว ปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก
 
รายชื่อของผู้ที่กล่าวมาข้างต้น   เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน   โดยไม่ได้ครอบครองใบปริญญาสักคน  บุคคลเหล่านี้ถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบเรื่อง  “เรียนไม่จบก็ประสบความสำเร็จได้”  ซึ่งก็ดูเหมือนว่าแนวความคิดนี้   จะถูกยกมาพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในวงการศึกษาของประเทศไทย  และทำให้เกิดการแบ่งกลุ่มที่ออกมาแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้ง  เห็นต่างกันอยู่  หนึ่งในนั้นคือตัวของผู้เขียนเอง เพราะทุกครั้งที่ได้ยินประโยคนี้  ผู้เขียนรู้สึกเหมือนกำลังโดนดูถูกกับสิ่งที่พยายามและตั้งใจทำอยู่  ถ้าปริญญาก็แค่กระดาษใบเดียว   แล้วทุกวันนี้เราเสียเวลาเรียนไปทำไม

สำหรับตัวผู้เขียนมองว่า  ก็อาจจะถูกที่ว่า  “ปริญญาก็แค่กระดาษใบเดียว”   แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถูกต้องทั้งหมด   ถ้ามันคือกระดาษใบเดียวจริง ๆ ไม่มีความหมายอะไร   ฉะนั้นก็แสดงว่า  ธนบัตรใบละหนึ่งพัน กับ ธนบัตรใบละยี่สิบ   มีมูลค่าเท่ากัน  เพราะทั้งสองธนบัตรเป็นแค่กระดาษใบเดียวเหมือนกัน จริงมั้ย?   ถ้าเรามองมันเป็นแค่กระดาษ  มันก็เป็นแค่กระดาษจริง ๆ แต่ถ้าเรามองถึงเส้นทางว่าทำอย่างไรจึงจะได้กระดาษแผ่นนี้มา   ก็คงจะพูดไม่เต็มปากนักว่ามันมีค่าเป็นเพียงแค่กระดาษใบเดียว  

ส่วนหนึ่งที่จะทำให้กระดาษใบนี้มีความหมาย   อยู่ที่ว่าเรามองกระดาษใบนี้   จากจุดไหน  อาจจะจริงที่การมีใบปริญญาไม่ได้แสดงว่าเราสามารถทำงานได้ดีกว่าคนอื่น   เพราะก็มีเยอะที่คนจบปริญญาทำงานสู้คนที่เรียนต่ำกว่าไม่ได้   แต่ใบปริญญาก็เป็นใบเบิกทางเบื้องต้น   ที่คนที่จ้างงานจะ “กรอง” เราก่อนว่ามีคุณสมบัติตามที่ต้องการหรือไม่   เช่นกันคนที่เรียนจบปริญญาและทำงานเก่งก็มีให้พบอยู่มากมาย  มันก็ขึ้นอยู่กับอาชีพที่ทำด้วย   ตัวอย่างเช่น  ถ้าคุณป่วยหนัก   คุณไปหาหมอ  หมอรักษาและให้ยาคุณมากิน  แต่คุณมารู้ที่หลังว่าหมอเรียนไม่จบ   และไม่มีใบปริญญา  คุณยังจะไว้ใจและให้หมอคนเดิมรักษาอยู่หรือไม่  หรือในตอนที่คุณเป็นนักเรียน   อาจารย์ที่สอนคุณเรียนไม่จบ  คุณจะเชื่อในสิ่งที่อาจารย์ท่านนั้นสอนหรือไม่   ถามใจคุณดู?

สุดท้ายบทความชิ้นนี้ไม่ได้มีเจตนาดูถูกผู้ที่เรียนไม่จบ ซึ่งตัวผู้เขียนก็ยอมรับว่ามีผู้ที่เรียนไม่จบ   แต่ประสบความสำเร็จก็มีเยอะมากมายในโลกนี้  คนที่เรียนจบแต่ล้มเหลวในชีวิตก็มีให้เห็น   เพียงแต่บทความชิ้นนี้เกิดขึ้นมาจากความรู้สึกลึก ๆ ของผู้เขียน   ที่กำลังจะเรียนจบแล้ว   จึงทราบดีว่ากว่าจะได้กระดาษใบนี้   ที่หลาย ๆ คนคิดว่ามันก็แค่กระดาษใบเดียว   แต่กว่าที่จะได้มันมา   ยากเย็นและต้องใช้ความพยายามมากเพียงใด   ถึงแม้ว่ากระดาษใบนี้จะไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าจะประสบความสำเร็จในอนาคตหรือไม่   แต่มันก็สามารถบ่งบอกถึงความตั้งใจและความพยายามตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนที่จะได้กระดาษใบนี้   เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกใบปริญญาของใครเลย   อย่างน้อยถ้ามันเป็นเพียงแค่กระดาษใบเดียวสำหรับคุณ   แต่กระดาษใบนี้อาจจะเป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของคนที่ได้ชื่อว่า พ่อ และ แม่ ก็เป็นได้



                                       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น