บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

2 นางมาร คนละเรื่อง ... เดียวกัน



2 นางมาร คนละเรื่อง ... เดียวกัน
....เมื่อเสื้อผ้าเป็นมากกว่าสิ่งที่สวมใส่...



The devil wears Prada เป็น ภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการทำงานในนิตยสารแฟชั่นระดับโลก    ที่เล่าเรื่องโดยมุมมองจากคนภายนอกมองเข้าไปในองค์กร   โดยมีตัวเอกของเรื่องคือ แอนดี้ แซคส์  ได้เข้ามาทำงานที่นิตยสาร Runway นิตยสารแฟชั่นชื่อดัง   ที่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ย้ำประโยคที่ว่า “สาว ๆ เป็นล้านยอมตายเพื่องานนี้” เพื่อเป็นเน้นย้ำว่าว่าผู้หญิงหลายคนอยากทำงานในตำแหน่งที่ แอนดี้ ได้รับ  ส่วน The September Issue เป็นภาพยนตร์กึ่งสารคดีที่นำเสนอแง่มุมที่นิตยสาร Vogue America ต้องการให้คนภายนอกเห็นภาพลักษณ์ขององค์กรในแบบที่ถูกนำเสนอออกมา   โดยผ่านเรื่องราวการทำนิตยสารฉบับเดือนกันยายน

The devil wears Prada และ The September Issue ให้นักแสดงสวมใส่เสื้อผ้าที่มีราคาแพงและมีชื่อเสียงในวงการแฟชั่น  เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานในนิตยสารแฟชั่นชั้นนำของโลก  ผู้คนที่สวมใส่เสื้อผ้าจึงไม่ได้บริโภคเชิงประโยชน์ของเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียว  การสวมเสื้อผ้ามิใช่เพียงทำให้ร่างกายอบอุ่น   หรือปกปิดร่างกาย   แต่กำลังบริโภคเชิงสัญลักษณ์ไปด้วย   ซึ่งหมายความว่าการสวมใส่เสื้อผ้าของแต่ละคนนั้นสามารถสะท้อนมุมมองรสนิยมทางด้านแฟชั่น   ความชอบ  ค่านิยม  หรือแม้แต่แบ่งชนชั้นจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้อีกด้วย

ในช่วงแรกที่ The devil wears Prada  เริ่มเรื่องขึ้น  มีฉากที่ผู้หญิงหลายๆ คนกำลังเลือกเสื้อผ้าแต่ละชิ้นขึ้นมาสวมใส่ แม้แต่ชุดชั้นในที่ถูกเสื้อผ้าชิ้นอื่นปกปิดไว้   ก็ต้องผ่านกระบวนการเลือกมาอย่างดี    เสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าทุก ๆ อย่างที่อยู่บนตัวเธอนั้นต้องดูดีดูเข้ากัน   ซึ่งฉากนี้จะเห็นความแตกต่างอย่างได้อย่างชัดเจน   ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่เลือกที่จะเลือกสวมใส่เสื้อผ้าแบบ sign value   คือการสวมเสื้อผ้าที่สามารถบ่งบอกถึงความชอบความหลงใหลเรื่องแฟชั่น  สร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเอง  และให้ผู้คนเห็นถึงความเป็นตัวคุณจากเสื้อผ้าที่สวมใส่  แต่   แอนดี้ แซคส์  เธอเลือกที่ประโยชน์ในการสวมใส่ (use value)  ใส่แล้วให้ความรู้สึกสะดวกสบาย   แอนดี้เลือกรองเท้าธรรมดาที่ไม่ใช่ส้นสูงเพื่อให้เดินสะดวกเวลาทำงาน 

ในตอนแรกที่    แอนดี้ แซคส์ ได้เข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยบรรณาธิการนิตยสาร Runway  เธอพยายามจะรักษาความเป็นตัวเองไว้  โดยการใส่เสื้อผ้าในแบบของเธอเอง  เธอคิดว่าเสื้อผ้าไม่ได้มีผลต่อการทำงาน   มีครั้งหนึ่งที่มิแรนด้า  พรีสลีย์   บรรณาธิการนิตยสาร Runway สุดเนี๊ยบเรียกชื่อเธอผิด   โดยเรียกเธอว่า   แอมมิลี่   ซึ่งเป็นชื่อผู้ช่วยอันดับ 1 ของมิแรนด้า   มิแรนด้าเป็นผู้ที่จดจำรายละเอียดต่าง ๆ ได้ทุกอย่าง   แต่เธอกลับจำชื่อเลขาอีกคนของเธอไม่ได้ โดยส่วนตัวเข้าใจฉากนี้ว่า    ภาพยนตร์กำลังจะสื่อว่าผู้ที่จะทำหน้าที่เลขาของมิแรนด้าได้   ต้องมีลักษณะเหมือนแอมมิลี่   คือมีทั้งความฉลาด    ดูแลตัวเอง  และสนใจด้านแฟชั่น  และเมื่อแอนดี้กลับไปยังโต๊ะทำงานของเธอ   เธอได้เปลี่ยนรองเท้าคู่เก่าเป็นรองเท้าส้นสูงของPrada  นั่นกำลังแสดงว่าเธอพร้อมจะเปลี่ยนตัวเองเป็นทาสแฟชั่นของมิแรนด้าแล้ว

ในเรื่อง The devil wears Prada มิแรนด้า พรีสลีย์ จะดื่มกาแฟของสตาร์บัค ซึ่งเธออาจจะชอบเป็นการส่วนตัว   แต่นั่นก็ทำให้เห็นว่าเธอเลือกที่จะดื่มกาแฟที่มีชื่อมากกว่ากาแฟธรรมดา เธอไม่ได้ต้องการแค่การเสพกาแฟ   แต่เธอต้องการเสพแบรนด์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน    เพราะมันอาจจะดูเหมาะกับเสื้อผ้าราคาแพงของเธอ  เมื่อเวลาเธอถือแก้วสตาร์บัคนั่นเอง

The devil wears Prada และ The September Issue   ได้สร้างความเชื่อให้กับผู้ที่ได้ชมภาพยนตร์ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงว่า ผอม=ดูดี นางแบบที่ได้ลงนิตยสารจึงต้องผอม  เพราะนางแบบเหล่านั้นต้องสวมใส่ความหมายของเสื้อผ้าเข้าไปด้วย   กล่าวคือ   ถ้านางแบบผอมเพียวเมื่อใส่เสื้อผ้าออกมาก็จะดูดี ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ต้องการซื้อเพื่อจะใส่ตาม    กลับกันถ้านางแบบอ้วนไม่ดูแลตัวเอง รูปลักษณ์ที่ออกมาหลังจากใส่เสื้อผ้า   ก็จะกลายเป็นภาพที่ไม่น่ามองเท่าไหร่นัก     ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องจึงมีฉากที่ย้ำความเชื่อนี้อยู่หลายฉาก   ในเรื่อง The devil wears Prada  มีการนำเสนอว่านางแบบต้องใส่เสื้อผ้าไซส์ 2-4 เท่านั้น  ถ้ามากกว่านี้ถือว่าอ้วน  ส่วน The September Issue   มีฉากที่ช่างภาพของเรื่องถูกขอให้ไปถ่ายแบบร่วมกับนางแบบด้วย   เมื่อแอนนา ได้เห็นรูปดังกล่าวจึงสั่งให้มีการรีทัชพุงของช่างภาพ  เพื่อให้รูปออกมาดีขึ้น หรือแม้แต่การที่แอนนาสั่งให้ทีมงานไปลดน้ำหนักก็เช่นกัน     

The devil wears Prada มีฉากที่เลือกเข็มขัดสีฟ้า 2 เส้น ซึ่งบางคนอาจมองว่าไม่มีความแตกต่างกันเท่าไหร่       แต่ในวงการแฟชั่นไม่ใช่แบบนั้น  สีที่ต่าง   ลักษณะที่ต่างกันแม้แต่นิดเดียวก็สามารถเป็นแฟชั่นที่ทำเงินได้   สินค้าที่ขายทั่วไปตามห้างสรรพสินค้ารวมถึงร้านค้าตามตลาด    ล้วนได้อิทธิพลมาจากกระแสแฟชั่นทั้งนั้นดังนั้นทุกคนกำลังเสพแฟชั่นอยู่จากการแต่งกาย  การเลือก  หรือสิ่งต่าง ๆ รอบตัว   เพียงแต่คุณไม่รู้ตัว

The September Issue เสนอมุมมองการทำงานในนิตยสาร Vogue America เดือนกันยายน   ซึ่งเป็นสิ่งที่กำหนดแนวทางแฟชั่นในปีต่อไปทั้งปี   เราจึงได้เห็นกระบวนการการเลือกแบบเสื้อผ้าต่างๆ มาลงหนังสือ เช่น  ฤดูหนาว กระบวนทัศน์ของการเลือกคือใส่เสื้อผ้าขนสัตว์ สีไม่ฉูดฉาด หรือฤดูร้อน เน้นเลือกใส่เสื้อผ้าบางเบา สีสันสดใส  แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเสื้อผ้าทุกตัวที่อยู่บนราวเสื้อผ้าจะลงนิตยสารได้   แต่เสื้อผ้าเหล่านั้นจะลงก็ต่อเมื่อได้รับการชี้นิ้วเลือกจากแอนนา วินทัวร์  นั่นเอง

นิตยสารVogue เดือนกันยายน แอนนาได้เลือกผู้ที่ได้ถ่ายภาพลงปกเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงของอเมริกา   ซึ่งนั่นเป็นจุดกำเนิดของนิตยสารVogue เล่มแรกที่นำเซเลปมาเป็นปก   ทำให้เราเห็นว่าในสังคมผู้ที่มีชื่อเสียงถือว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนหมู่มากได้   ดังนั้นเสื้อผ้าที่ผู้ที่ขึ้นปกใส่ก็ย่อมได้รับความนิยมความสนใจจากผู้อ่านและมันก็กลายเป็นเทรนด์แฟชั่นในปีต่อไป
 ซึ่งถ้าเปรียบแฟชั่นเป็นประเทศ แอนนา    วินทัวร์ ก็คือผู้นำ เธอมีอำนาจเด็ดขาดในประเทศนี้   ผู้หญิงที่อ่านหนังสือ Vogue  หรือผู้ที่หลงใหลในแฟชั่นเป็นข้าราชการของเธอ   ส่วนผู้หญิงทั่วไปคือประชาชนคนธรรมดา  แม้ว่าคนทั่วไปจะไม่ได้ตามแฟชั่น   แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟชั่นก็ยังมีอิทธิพลต่อชีวิต   เพราะแค่คุณมีเสื้อผ้าหลายๆสีในตู้   นั่นก็แสดงว่าคุณได้เดินตามแฟชั่นแล้ว   อาจจะเปรียบเหมือนเพื่อนผู้หญิงของแอนดี้  แซคส์ นางเอกในเรื่อง The devil wears Prada ที่เธอดูจะไม่ค่อยชอบมิแรนด้าเอามาก ๆ แต่เมื่อแอนดี้ให้กระเป๋าราคาแพงแก่เธอ   เธอก็ดีใจจนออกนอกหน้านอกตา   ถึงขนาดเอ่ยปากขอของเหลือใช้ของมิแรนด้า  ให้แอนดี้เอามาให้เธออีก    ท้ายที่สุดแล้วแม้คุณจะปฏิเสธแฟชั่นเพียงใด   แต่ลึกๆ แล้วใจคุณก็ต้องการมันอยู่ดี  และแค่คุณถือนิตยสาร Vogue คุณก็กลายเป็นแฟชั่นนิสต้าโดยไม่รู้ตัวแล้ว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น